ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก

เมื่อหลินโม่เหนียงอายุได้สิบห้าปี เธอและเพื่อนๆได้ไปชมสถานที่แห่งหนึ่งที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ ขณะที่แต่ละคนกำลังตรวจดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย โดยอาศัยน้ำในสระที่ใสแทนกระจกเงา ทันใดนั้นมีอสุรกายโผล่ขึ้นมาจากสระพร้อมชูถาดทองเหลืองเพื่อมอบให้แก่เด็กเหล่านั้น ด้วยความตกใจ เด็กๆเหล่านั้นจึงพากันวิ่งหนีไปสิ้น เหลือโม่เหนียงเพียงคนเดียว ด้วยความกล้าหาญและพลังจิตของเธอ จึงเอื้อมมือไปรับถาดใบนั้นมา ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ได้พลังวิเศษที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ขณะที่มีอายุน้อย
ด้วยพลังอำนาจวิเศษที่ได้รับมา ทำให้เธอสามารถ ล่วงรู้และคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เกี่ยวกับสภาพอากาศของท้องถิ่นด้วยการศึกษาทางดาราศาสตร์ เธอจึงประกาศให้ชาวประมงและนักเดินเรือได้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะออกทะเล คนในหมู่บ้านเกาะเหมยโจวและหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็ยอมรับในคำทำนายของเธอ นั่นก็คือการหลีกเลี่ยงลมพายุไต้ฝุ่น ทะเลปั่นป่วน ทำให้ไม่เกิดการสูญเสียทั้งคนและสิ่งของ
นอกจากการช่วยเหลือชาวประมงและนักเดินเรือแล้ว เธอยังมีพรสวรรค์ เกี่ยวกับการรักษาความเจ็บไข้ของชาวบ้านอีกด้วย มีความรอบรู้เรื่องยาสมุนไพร และแนะนำชาวบ้านให้รู้จักรักษาความสะอาด การเจ็บไข้ได้ป่วยและสุขภาพ ตลอดจนการปฐมพยาบาลเวลาเกิดอุบัติเหตุมีบาดแผล เธอจึงเป็นหมอประจำบ้านแห่งเกาะเหมยโจวตั้งแต่นั้นมา
เมื่อโม่เหนียงอายุได้สิบหกปี แต่บางตำนานว่ายี่สิบสามปี อยู่มาวันหนึ่งก่อนที่บิดาและพี่ชายสี่คนออกเรือไปหาปลาในทะเล เธอได้ห้ามไว้เพราะทราบด้วยญาณสมาธิของเธอว่า กำลังจะเกิดพายุไต้ฝุ่นขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่บิดาและพี่ชายไม่เชื่อคำทำนายของเธอเพราะดูท้องฟ้าและทะเลแล้ว ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ต่างก็ออกเรือไปหาปลาเป็นปกติ จริงดังที่เธอบอกได้เกิดพายุไต้ฝุ่นขึ้นขณะที่บิดาและพี่ชายอยู่ในทะเลไกลจากฝั่ง ต่างก็ถูกคลื่นกวาดจากเรือลงไปลอยคอในทะเล โม่เหนียงกำลังทอผ้าอยู่ที่บ้าน ด้วยพลังจิตอันสูงของเธอทำให้เธอเห็นภาพที่เกิดขึ้นกับบิดาและพี่ชาย เธอจึงส่งกระแสจิตกระโจนลงไปช่วยพี่ชายทั้งสี่คนด้วยพลังจิตของเธอให้ปลอดภัย แล้วย้อนกลับมาช่วยบิดา ด้วยการใช้ฟันงับเสื้อบิดาแน่นแล้วพาว่ายน้ำกลับบ้าน ขณะนั้นมารดาเห็นเธอกำลังทอผ้าด้วยท่าทางกำลังจะหลับสะลึมสะลือ คิดว่าเธอกำลังป่วย จึงตรงเข้าไปปลุกให้เธอตื่น กระแสสมาธิจิตของเธอก็ขาดลงทันใด ทำให้บิดาของเธอต้องจมน้ำ เธอจึงเดินไปชายทะเลและพบศพบิดาหลังจากนั้นสามวัน ศพบิดาจึงได้ฝังไว้ที่หมู่บ้าน แต่บางตำนานกล่าวว่าทั้งบิดาและพี่ชายต่างก็ปลอดภัย บ้างก็ว่าเธอได้ออกทะเลไปช่วยบิดาจนปลอดภัย ส่วนพี่ชายคนหนึ่งได้จมหายไปในทะเล การออกไปช่วยบิดาและพี่ชายของเธอบางตำนานกล่าวว่า เธอได้ขี่เมฆไปเหนือเกลียวคลื่น
อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า วันหนึ่งขณะที่โม่เหนียงกำลังทอผ้าอยู่นั้น เธอใช้ผ้าขนาดยาวโยนขึ้นไปบนอากาศแล้วสาวลงมาโยนขึ้นไปใหม่แล้วสาวลงมาทำแบบนี้อยู่เป็นชั่วยาม ชาวบ้านถามว่าทำทำไม เธอตอบว่ากำลังช่วยชาวเรือที่ถูกพายุ เมื่อเรือถึงฝั่ง พวกเขากล่าวว่ามีเชือกขนาดยาวลงมากลางอากาศแล้วดึงเรือให้พ้นภัย
อย่างไรก็ตาม เธอได้ช่วยเหลือชาวประมงและนักเดินเรือที่ประสบพายุร้ายตลอดมา กล่าวกันว่า พวกเขาได้เห็นเธอใส่ชุดสีแดงนั่งบนเมฆ หรือรุ้งทุกครั้งที่ออกไปช่วยให้พวกเขาพ้นภัย
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๑๒ เมษมยน ๒๕๕๑
|